จากรุ่นคุณทวด...สู่เจนเนอเรชันที่ 4
ความเป็นมาของ ห่านท่าดินเเดง ฉั่วคิมหลี
ในปี พ.ศ. 2464 นายเจียบหงี แซ่ฉั่ว ชายวัย 25 ปีจาก ชัวเถา ประเทศจีน เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมายังกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ในชีวิต เขาเริ่มจาก อาชีพรับจ้างแบกหามในโกดังสินค้า บริเวณ ท่าน้ำท่าดินแดง
หลังเก็บหอมรอมริบจนมีเงินทุนประมาณ 20 – 30 บาท เขาจึงตัดสินใจนำ สูตรลับห่านพะโล้ประจำตระกูล ที่ติดตัวมาจากบ้านเกิด มาทดลองทำและ หาบเร่ขายห่านพะโล้ ครั้งแรกในวัยประมาณ 45 ปี โดยมีลูกชายคนโต (คุณปู่) อายุ 15 ปี เป็นผู้ช่วย
ขายเพียงวันละ 1–2 ตัว แต่รสชาติทำให้ลูกค้ากลับมาเสมอ
จากหาบเร่... สู่ร้านเพิงเล็ก ๆ ที่ริมแม่น้ำ
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงลือถึง รสชาติหอม กลมกล่อม เค็มนำ ของห่านพะโล้แพร่ไปปากต่อปาก จนได้ขยายเป็นร้านเพิงเล็ก ๆ ใกล้ ท่าน้ำท่าดินแดง ในยุคที่ผู้คนยังต้องพึ่งพา เรือข้ามฟาก จากฝั่งธนบุรีไปยังพระนคร (ราชวงศ์)
ปี 2510: “ฉั่วเจียบง้วน”
เมื่อกิจการเติบโตขึ้น จึงเปิดร้านถาวรในรูปแบบตึกแถวชื่อว่า “ฉั่วเจียบง้วน” แต่ไม่นานนัก คุณทวดเจียบหงีก็จากไป พร้อมทิ้งมรดกแห่งรสชาติให้กับลูกชายคนโตดูแลต่อ
ถือเป็นการเข้าสู่ “รุ่นที่ 2” อย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม ลูกชายคนโตหันไปทำธุรกิจด้านการเกษตร จึงมอบกิจการให้ น้องชายคนรองดูแล
พร้อมกันนั้นได้เกิดเหตุการณ์ซ่อมบำรุง สะพานพุทธยอดฟ้า ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากกลับมาใช้ ท่าเรือท่าดินแดง อีกครั้ง และชื่อเสียงของ “ห่านพะโล้ท่าดินแดง” ก็แพร่กระจายออกไปกว้างไกล
ปี 2515: เปิดร้านใหม่ “ฮั่วคิมฮวด”
เมื่อธุรกิจด้านการเกษตรซบเซา อากง (ลูกชายคนโต) จึงหวนกลับมาเปิดร้านของตนเองชื่อว่า “ฮั่วคิมฮวด” ใกล้กับร้านเดิมของน้องชาย กลายเป็น 2 ร้านคู่กันในท่าดินแดง และนับเป็นยุคของ รุ่นที่ 3 (คุณพ่อ)
ทุกสาขา อากงและอาม่า จะมาควบคุมคุณภาพรสชาติด้วยตนเอง
เพื่อรักษา “ต้นตำรับดั้งเดิม” ไว้เสมอ
ยุคใหม่ของตำนาน: เจนเนอเรชันที่ 4
จนถึง ปี พ.ศ. 2552
ลูกหลานรุ่นที่ 4 (รุ่นเหลน) ได้ขยายสาขามายัง ลาดพร้าว 35/1 และยังคงยึดมั่นในรสชาติดั้งเดิมที่หลายคนคุ้นลิ้น
ชื่อแบรนด์ “ฉั่วคิมหลี”, “ฉั่วคิมเอง”, “ฉั่วคิมฮวด” ล้วนเป็นการส่งต่อรากเหง้ารสชาติที่ไม่เคยเปลี่ยน
แม้เวลาจะเปลี่ยนผ่านไปกว่า 75 ปี
” จากรุ่นสู่รุ่น ตำนานห่านพะโล้ ที่เริ่มจากชายคนหนึ่งและหม้อต้มใบแรก วันนี้กลายเป็นความทรงจำบนจานที่คนไทยหลายรุ่นหลงรักไม่รู้ลืม “